ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอ และท้องถิ่น ทุกแห่ง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก

วันที่ลงข่าว: 19/08/25

          นายศรัณยู  มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง แจ้งว่าได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง กอปรกับสำนักงานทรัพยากรนำแห่งชาติ ได้คาดการณ์ว่าในช่วงระหว่างวันที่ 15 - 18 สิงหาคม 2568 บริเวณพื้นที่ภาคเหนือจะมีฝนตกหนักเกิดขึ้นหลายพื้นที่ และจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังรอการระบาย ในช่วงระหว่างวันที่ 15 - 18  สิงหาคม 2568

          เพื่อเป็นการเน้นย้ำการเตรียมความพร้อม เฝ้าระวัง รับสถานการณ์ จึงได้สั่งการให้อำเภอ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ติดตามสถานการณ์ฝนตกหนัก ปริมาณน้ำฝนสะสม และปริมาณน้ำในลำน้ำสายหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ลาดเชิงเขา พร้อมทั้งให้นายอำเภอรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นพื้นที่ผ่านแอปพลิเคชันไลน์กลุ่ม "มท-เพชรบูรณ์" อย่างต่อเนื่องและอำนวยการ และประสานการปฏิบัติในการเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์พร้อมเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว ทันท่วงที จัดให้มีเครื่องหมายสัญญาณหรือสิ่งอื่นใดในการแจ้งเตือนประชาชน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ หากมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยให้ปิดกั้นพื้นที่ทันที เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เปิดทางน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ วางแผนการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำโดยเฉพาะในเขตชุมชมชนเมือง แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เพื่อแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ในช่องทางที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ หอเตือนภัย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน รถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์สาธารณภัยในพื้นที่ ให้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยจัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วพร้อมรับสถานการณ์ตอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วย พร้อมทั้งรายงานเหตุด่วนให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ทราบทันที เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก