ผู้ตรวจการแผ่นดิน จับมือ อัยการสูงสุด ลงนาม MOU เสริมพลังคุ้มครองสิทธิ–ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เชื่อมระบบส่งต่อดิจิทัล ลดขั้นตอน–เข้าถึงความเป็นธรรมง่ายขึ้น
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการช่วยเหลือทางกฎหมายและแก้ไขความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรม ของประชาชน ระหว่างสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนใหเเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว และเป็นธรรม ผ่านระบบส่งต่อข้อมูลดิจิทัล การพัฒนาบุคลากร และการเผยแพร่ความรู้สิทธิทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มอบประโยชน์โดยตรงให้กับประชาชนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่ว่า ประชาชนรายใดเกิดปัญหาหรือความเดือดร้อน สามารถยื่นเรื่องร้องเรียน หรือขอคำปรึกษาทางกฎหมายที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินหรือสำนักงานอัยการสูงสุด และจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องติดต่อหลายหน่วยงาน ระบบส่งต่อข้อมูลดิจิทัลช่วยให้เรื่องถึงมือหน่วยงานที่รับผิดชอบได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และลดขั้นตอนรวมถึงค่าใช้จ่าย โดยการลงนามในครั้งนี้มุ่งเน้นการทำงานภารกิจของทั้ง 2 หน่วยงานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว และเป็นธรรม
โดยความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ในกรอบอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินคือความเดือดร้อนที่เกิดจากกฎหมายกฎระเบียบข้อบังคับคำสั่งหรือขั้นตอนการปฏิบัติงานของหน่วยงานรัฐ ความเดือดร้อนจากการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่และนอกเหนือกฎหมายและความเดือดร้อนที่เกิดจากการเสียสิทธิที่จะได้รับบริการพื้นฐานจากหน่วยงานรัฐที่บัญญัติไว้ในหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ
ด้าน นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้ จึงนับเป็นนิมิตหมายที่ดีของพี่น้องประชาชนทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ กรณีประสบความเดือดร้อน หรือความไม่เป็นธรรม จะมีสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัด (สคชจ.) เป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำและส่งต่อเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการแก้ไขความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมของประชาชน
ส่วนเรื่องร้องเรียนความเดือดร้อนของประชาชนจะไม่ทำให้การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชนเป็นไปด้วยความล่าช้า และเป็นที่ทราบกันดีว่าประชาชนในต่างจังหวัดมีปัญหาในเรื่องของการเขียนคำร้องเรียน สคชจ.จะแนะนำข้อกฎหมาย ขณะที่การส่งต่อปัจจุบันมีระบบออนไลน์ทำให้การเข้าถึงได้ง่าย โดยสำนักอัยการสูงสุดกระจายอยู่ทุกพื้นที่ และมีอัยการอาสาสมัคร อยู่ในทุกตำบล ก็จะเป็นเครือข่ายในการให้ความยุติธรรมประชาชนเต็มไปด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น คิดว่าน่าจะไวกว่าช่องทางร้องเรียนทางรัฐบาล ทุกภาคส่วนก็มีหน้าที่ดูแลประชาชน แต่เมื่อ 2 หน่วยงานร่วมมือกันก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของภาครัฐมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ พบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในต่างจังหวัดคือการเขียนคำร้อง ยังไม่ตรงประเด็น พยานหลักฐานประกอบคำร้องและการส่งคำร้องเรียนมายังหน่วยงานส่วนกลาง เธอว่าความร่วมมือของอัยการสูงสุดและผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อประชาชนไปที่ สคชจ.ก็จะให้บริการประชาชนแบบ one stop service หากความเดือดร้อนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะมีการให้คำแนะนำ ตรวจคำร้องว่ามีความถูกต้องครบถ้วน และส่งผ่านระบบออนไลน์ไปยังอัยการสูงสุดและผู้ตรวจการแผ่นดินด้วยความรวดเร็ว จะช่วยให้ประชาชนสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนมายังหน่วยงานได้