วันนี้ ( 7 ก.ย.59) นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยนางคำนึงนิตย์ ฤทธิ์สรไกร นายกเหล่ากาชาดจังหวัด สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และ ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโคก อำเภอเมืองมุกดาหาร ปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมกันมอบบ้านและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับใช้ภายในครัวเรือนและการดำรงชีพให้นางลาภ ปัตตะวัน ณ บ้านโนนสะอาด ตำบลบ้านโคก อำเภอเมืองมุกดาหาร ซึ่งมีฐานะยากจนและประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย ไม่มั่นคงแข็งแรง และเป็นหลังที่ 10 จากจำนวน 28 หลัง ตามโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กรณียากจน เจ็บป่วย พิการ อนาถา ปี 2559

จากนั้น เวลา 10.30 น. นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นางคำนึงนิตย์ ฤทธิ์สรไกร นายกเหล่ากาชาด เป็นประธานพิธีมอบบ้านให้แก่ผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนตามโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กรณียากจน เจ็บป่วย พิการ อนาถา ให้แก่ นางมุกดา เส็งหลี บ้านนาตะแบง หมู่ 4 ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งอยู่ด้วยกับลูกรวม 4 คน และมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และเวลา 11.30 น. นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีมอบบ้านให้แก่ผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนตามโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กรณียากจน เจ็บป่วย พิการ อนาถา ให้แก่ นางสมฤทธิ์ ผาสุก บ้านคำป่าหลาย หมู่ 12 ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งอาศัยอยู่กับ สามีที่พิการและลูก 1 คน

สำหรับโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน กรณียากจน เจ็บป่วยพิการอนาถา เป็นนโยบายของของผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้านปัจจัย 4 คืออาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ในปี 2559 จำนวน 59 ราย โดยแยกเป็นด้านอาหารและอาชีพจำนวน 26 ราย ด้านเครื่องนุ่งห่ม จำนวน 44 ราย ด้านยารักษาโรค จำนวน 18 รายและด้านที่อยู่อาศัย จำนวน 28 ราย โดยกระจายอยู่ทุกอำเภอ โดยเฉพาะด้านที่อยู่อาศัยได้มอบไปแล้วจำนวน 11 หลัง เหลือ 17 หลัง ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2559 โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งในการปรับปรุง ซ่อมแซม และใช้แรงงานของชาวบ้านและขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยไม่คิดค่าแรง และเหล่ากาชาด สนับสนุนอีกหลังละ 20,000 บาททั้ง 28 หลัง โดยเฉลี่ยแล้วหลังละ 80,000 บาท – 100,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึง พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น