คุณธนพล  ดอกแก้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกสมาคมโรคไต และเป็นประธานผู้ป่วยโรคเรื้อรังของประเทศไทย เป็นผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย รักษาจนถึงปัจจุบัน 7 ปี และใช้ชีวิตกับโรคไตมา 17 ปี สาเหตุของโรคไตเริ่มจากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไตติดเชื้อบ่อย ๆ เช่น ดื่มน้ำน้อย อั้นปัสสาวะทำให้เกิดภาวะไตวายได้ โรคเอสแอลอีเป็นโรคที่เกิดจากในร่างกายทำลายเนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกาย เช่น ทำลายเนื้อเยื่อในปอด ทำลายเนื้อเยื่อที่ไต หรือผนังลำไส้ สาเหตุอีกอย่างคือ เกิดจากการใช้ยา โดยยากลุ่มนี้เป็นยากลุ่ม NSAIDs (เอ็นเสด) หรือยาสมุนไพร ยาลดความอ้วน อาหารเสริมต่าง ๆ บางชนิดทานแล้วทำลายไต ที่กล่าวมาคือสาเหตุที่ทำให้เกิดไตวาย

          อาการของโรคไตวายไม่สามารถบอกได้ว่า ตอนนี้อยู่ในระยะที่หนึ่ง ที่สอง แต่มันเป็นภัยเงียบที่สะสมอยู่ในร่างกาย กว่าจะแสดงอาการไตของเราอยู่ระยะที่สามแล้ว เพราะไตมี 5 ระยะ พออยู่ระยะที่สามจะเริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น มีอาการหน้าบวม เท้าบวม ท้องบวม อาการนี้จะเป็น ๆ หาย ๆ ถ้ามีอาการแบบที่กล่าวมา ควรไปพบแพทย์ เพราะในระยะที่ 3 นี้แยกเป็น 3A 3B อีก ในระยะ 3B อาการที่มักพบ เท้าบวม ท้องบวม ต่อมานอนไม่หลับ มีอาการคันตามเนื้อตัว อาการหายใจติดขัด สิ่งเหล่านี้คืออาการแรกเริ่มของระยะที่สาม เมื่อไปถึงระยะที่ห้าเริ่มมีภาวะนอนราบไม่ได้ หายใจเหนื่อยหอบ เริ่มมีภาวะของเสียคลั่ง ถ้าไม่ได้เข้ารับการรักษาอาการจะแย่ลงเรื่อย ๆ ถ้าการทำงานของไตเหลือต่ำกว่า 10% คนไข้จะเกิดภาวะของเสียคลั่ง มีอาการซึม เหม่อลอย ชัก และเสียชีวิต

          การบำบัดทดแทนไตมี 3 วิธี วิธีที่หนึ่งฟอกเลือดด้วยเครื่องทดแทนไตเทียม วิธีที่สองการล้างไตทางช่องท้อง และวิธีที่สามคือการปลูกถ่ายไต การรักษาในการบำบัดทดแทนไต คือการฟอกของเสียออกจากร่างกาย มีอยู่ 2 วิธีคือ ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการล้างไตทางช่องท้อง ผู้ป่วยต้องไปนอนฟอกที่หน่วยฟอกไต สัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง ครั้งละ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นการล้างไตทางช่องท้องสามารถทำเองที่บ้าน โดยใช้น้ำยาแต่ต้องมีการวางสายหน้าท้องก่อน แล้วเอาน้ำยาเข้าไปแลกเปลี่ยนของเสียในช่องทอง ระยะเวลา 4- 6 ชั่วโมง ในปัจจุบันสิทธิการรักษาไม่ว่าจะเป็น กองทุนหลักประกันสุขภาพ กองทุนประกันสังคม และ สิทธิข้าราชการ ครอบคลุมการรักษาโรคไตทั้งหมด