กระทรวงการคลัง โอนเงิน 10,000 บาท ให้กลุ่มเปราะบางครบแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ยังโอนไม่สำเร็จ แต่จะมีการโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย กระทรวงการคลังโอนเงิน 10,000 บาท ให้กลุ่มเปราะบางครบแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ยังโอนไม่สำเร็จ แต่จะมีการโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง ทุกวันที่ 22 เดือนตุลาคม-ธันวาคมนี้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้การโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ให้กับกลุ่มเปราะบาง จำนวน 14.5 ล้านคน ล่าสุดดำเนินการโอนเงินครบถ้วนแล้ว แต่มีผู้ยังโอนไม่สำเร็จกว่า 380,000 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 2 ซึ่งเป็นตัวเลขที่รับได้ แต่กระบวนการจะมีการโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง คือทุกวันที่ 22 ของทุกเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2567 เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นกลุ่มผู้พิการยังมีคงค้างอยู่ 8,829 ราย สาเหตุมาจากการทำบัตรคนพิการ ซึ่งซ้ำซ้อนกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรมบัญชีกลางได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปบ้างส่วนแล้ว โดยการเปลี่ยนช่องโอนเงินเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนที่เหลือเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 372,458 ราย เนื่องจากมีกลุ่มที่ไม่มีบัญชี บัญชีไม่เดิน บัญชีปิดไปแล้วกว่า 20,000 ราย กลุ่มใหญ่ที่สุดคือยังไม่ผูกบัญชีพร้อมเพย์ จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนผูกบัญชีพร้อมเพย์ให้เรียบร้อย ส่วนที่ยังไม่ทราบว่าตนเองได้รับสิทธิ์หรือไม่ สามารถตรวจสอบสิทธิ์ของได้ที่ application "รัฐจ่าย" หากเช็คแล้วมีสิทธิ์แต่ยังไม่ได้เงิน ให้ประสานกับทางธนาคารและช่องทางที่เกี่ยวข้อง เช่น สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับยอดเงินที่โอนไปแล้ว 141,000 ล้านบาท เบื้องต้น คาดว่า จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ ร้อยละ 3.35 ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะหากรออีก 3 เดือน อาจจะส่งผลกระทบในทางลบ
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า เฟสต่อไปจะปรับวงเงินเหลือ 5,000 บาท นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เพราะต้องรอกลไกที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการ มีการประชุมและมอบหมายงานไปทำข้อสรุป เพื่อเสนอที่ประชุมอีกครั้ง ทั้งนี้ยอมรับว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจจะลดลงไปตามสัดส่วนของการโอนเงินแต่ละรอบ แต่ต้องเข้าใจว่าเงินที่เติมไปไม่ได้หายไปไหน เพราะเป็นสภาพคล่องที่เติมเข้าไปในระบบ เงินเหล่านี้ยังหมุนเวียนอยู่ภายใน อาจจะมีการรั่วไหลบ้างระหว่างทางที่เปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ แต่หลังจากนั้นก็จะมีการคำนวณระยะเวลาที่จะเติมเงินช่วงที่ 2 ลงไป เพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยช่วงเวลาการเติมเงินลงไปต้องเหมาะสมไม่ห่างเกินไป หรือใกล้กันเกินไป
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกรณีพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ เลี่ยงภาษีว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทย หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ก็จะต้องเสียภาษี การค้าขายออนไลน์ต้องมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) ด้วย แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้ง.