สร้างงานให้คนพิการ ธุรกิจได้ Win 3 ต่อ/ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล

การสัมมนาใหญ่ระดับภูมิภาคเอเชียเพื่อส่งเสริมความสามารถในการมีงานทำของคนพิการ หรือ “Workability Asia Conference” เมื่อเร็วๆนี้ ที่โรงแรมฮิลตัน พัทยา นับเป็นปรากฏการณ์ที่มีความหมายมาก
เพราะเป็นการผนึกกำลังของภาครัฐคือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการร่วมกับ กระทรวงแรงงาน กรมประชาสัมพันธ์ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เมืองพัทยา กิจการเพื่อสังคมไนส์คอร์ป และ Workability Thailand (WTH) รวมทั้งเครือขายองค์กรกลุ่มภาคธุรกิจชั้นนํา
นับเป็นครั้งแรกของเอเชียในการขับเคลื่อนความร่วมมือเอกชนในมิติการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเพื่อคนพิการอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ กระทรวงแรงงานได้ร่วมกับ ๖ สถาบันภาคเอกชน ได้แก่ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมสภามหาวิทยาลัยแห่ง ประเทศไทย ร่วมประกาศเจตนารมณ์ ด้วยหลักการ “พลังคนพิการ: หุ้นส่วนธุรกิจสร้างสรรค์สังคม” (Declaration of Welcome Disability)
เป็นการส่งเสริมศักยภาพและความสามารถของคนพิการและร่วมสร้างความตระหนักต่อคนที่เกี่ยวข้อง เช่น พนักงาน คู่ค้า ลูกค้าและชุมชน โดยรณรงค์ให้สถานประกอบการติดเครื่องหมายแสดงการต้อนรับผู้พิการ “Welcome Disability Mark” หรือ Well-D Mark ซึ่งไทยเป็นประเทศนําร่องในการส่งเสริมตราสัญลักษณ์ Well-D Mark ในกลุ่มประเทศสมาชิก Workability Asia โดย สสส. ร่วมสนับสนุนและจะขยายผลอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้มี 14 องค์กรนําร่อง ร่วมประกาศเจตนารมณ์หนุนโครงการนี้ มีทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), เมืองพัทยา, องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี, บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จํากัด, กลุ่มบริษัทไมเนอร์, เทสโก้โลตัส, บริษัท เอฟ ดับบลิวดี ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน), บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน), บริษัท เอ็มเอสไอจี ประกันภัย (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท เอเชีย พรีซิซั่น จํากัด (มหาชน)
นี่เป็นการสร้างค่านิยมใหม่ด้วยแนวคิด “คนพิการจากภาระให้เป็นพลัง” โดยการประกาศหลักการ “พลังคนพิการ: หุ้นส่วนธุรกิจ สร้างสรรค์สังคม” ใน 4 ประการคือ 1. การส่งเสริมวัฒนธรรมสังคมเพื่อคนทั้งมวล (Cultivating Inclusion) 2. การส่งเสริมนโยบายการเข้าถึงของคนพิการ (Promoting Accessibility Policy) 3. การส่งเสริมการสร้างพันธมิตร (Creating Inclusive Partnership) 4. การส่งเสริมการสร้างงานคนพิการ (Empowering Competitive Employment & Social Entrepreneurship)
คาดว่าในปีนี้จะมีองค์กรภาคเอกชนสนใจเข้าร่วมการรณรงค์สร้างความตระหนักต่อสังคมผ่านตราสัญลักษณ์ Welcome Disability Mark หรือ Well-D กว่า 100 องค์กร
มีอีกหนึ่งประเด็นสําคัญของงานคือ การเปิดตัวสมาคมการค้าผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคมเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาสไทย (Workability Thailand) ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่มุ่งสร้างสรรค์การพัฒนาศักยภาพและการสร้างงานคนพิการ นําร่องโดย 8 องค์กรสําคัญ ได้แก่ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ, บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จํากัด, บริษัท สยามนิชชิน จํากัด, บริษัท ไอแอล โซลูชั่น จํากัด, มูลนิธิ วิถีชีวิตอิสระคนพิการ, บริษัท เคียงบ่าเคียงไหล่ จํากัด, บริษัท ฐานการ์เมทน์ จํากัด และกิจการเพื่อสังคมไนส์คอร์ป
วิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ก็คือ เพื่อมุ่งขับเคลื่อนการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับมาตรฐานการดําเนินงานที่มีประสิทธิภาพของกิจการเพื่อสังคมเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาสให้เป็นกลไกสําคัญในการสร้างโอกาสและบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนสู่การสร้างงานแก่คนพิการและคนด้อยโอกาสอย่างยั่งยืน
พันธกิจที่สําคัญมี 4 ข้อ ได้แก่ 1) การรณรงค์สร้างทัศนคติที่ดีและความเชื่อมั่นของสังคม (Awareness& Advocacy) 2) การแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงพลังความร่วมมือของเครือข่าย (Collaboration & Networking) 3) การพัฒนาตลาดและสร้างโอกาสธุรกิจเพื่อคนพิการ (Business Opportunity) 4) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืน (Capacity Building&Support)
Workability Thailand ใช้ 3 กลยุทธ์สําคัญในการสร้างงานคนพิการพร้อมกับสร้างขีดความสามารถทางธุรกิจคือ 1. แนวทางส่งเสริมและปรับกระบวนการจ้างงานที่เหมาะสมกับคนพิการทางธุรกิจ (Customization Employment) 2. การส่งเสริมรูปแบบความร่วมมือของภาคเอกชนเพื่อจัดตั้งหรือสร้างงานโดยผ่านกิจการเพื่อสังคมเพื่อคนพิการ (Corporate Social Enterprise) 3. การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนคนพิการสู่การเข้าสู่การมีงานทําอย่างมีประสิทธิภาพ (Assistive Technology Communication)
ข้อคิด...
โดยทั่วไปคนมักมองผู้พิการว่าน่าสงสารน่าเห็นใจไม่ว่าจะเป็นเพราะความบกพร่องหรือสูญเสียอวัยวะเนื่องจากโรคภัยหรืออุบัติเหตุก็ตามแต่ เมื่อสังคมมีการพัฒนาก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสามารถสนับสนุนให้คนพิการเป็นพลังสร้างสรรค์สังคมได้
คนพิการเองก็ไม่อยากถูกมองว่าเป็น ภาระ (Liability) เครือข่ายเพื่อคนพิการจึงเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนคำนิยามของสังคมให้มองคนพิการว่าเป็น “สินทรัพย์” (Asset) หากได้รับการส่งเสริมสนับสนุนในทางที่ดี ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีปัจจัยเอื้อทั้งแนวคิดและบทบาทภาครัฐและเอกชนสอดคล้องกัน
การเกิดเครือข่ายWorkability Thailand (WTH) ที่มุ่งชูโมเดล “กิจการเพื่อสังคม” (Social Enterprise) ให้เป็นกลไกในการสร้างความเข้มแข็งของคนพิการด้วยการสร้างงานที่มีคุณค่า และพร้อมเป็นองค์กรตัวกลางในการเชื่อมโยงภาคเอกชนให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบการซื้อสินค้าและบริการจากกิจการเพื่อสังคมเพื่อคนพิการ (B2B หรือ Business to Business)
ผลลัพธ์จึงไม่ใช่แค่ Win-Win แต่จะได้ 3 Win ทีเดียว
Winที่ 1 จะสร้างประโยชน์ให้กับภาคเอกชนมากกว่ารูปแบบการจ่ายเงินสมทบเขากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (กรณีไม่สามารถจ้างงานคนพิการได้ตามกติกา คือได้สินค้าหรือบริการกลับไปยังองค์กร
Winที่ 2 เป็นการใช้งบกิจกรรมส่งเสริมสังคม CSR ขององค์กรในการพัฒนาขีดความสามารถทางธุรกิจและการบริหารจัดการขององค์กรคน พิการ/องค์กรเพื่อคนพิการซึ่งจะช่วยให้เกิดกิจการเพื่อสังคมที่มีการสร้างความยั่งยืนทางการเงิน
Winที่ 3 ยังสนองนโยบายรัฐตามมาตรา 35 ในการสร้างงานให้คนพิการโดยตรงตามความต้องการที่เหมาะสมและขจัดอุปสรรคของคนพิการในการเข้าถึงสถานประกอบการอีกด้วย
กลยุทธ์นี้จึงเชื่อมโยงบทบาทเอกชนส่งเสริมขยายเครื่องหมาย Well-D Mark ให้เป็นที่ยอมรับไปพร้อมกับการสร้างโมเดล SE เพื่อคนพิการที่หลากหลายโดยหวังใช้เทคโนโลยี ระบบการขายออนไลน์ (Digital Market Place) เข้าเสริม เพื่อสร้างโอกาสการเจาะตลาดผู้ซื้อรายย่อย เพื่อสร้างความตระหนักสู่สังคมไทยต่อไป
ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 20 กรกฎาคม 2558